มุสลิมตั้งภูมิลำเนาในรัฐยะไข่ ตั้งแต่คริสต์ศตวรษที่ 15 แม้ว่าไม่สามารถประมาณการจำนวนผู้ตั้งบ้านเรือนชาวมุสลิมก่อนการดูแลของบริเตนได้ อย่างแม่นยำ หลังศึกสงครามอังกฤษ-พม่า ครั้งที่หนึ่งในปี 2369 บริเตนผนวกรัฐยะไข่และเพิ่มพูนการอพยพจากเบงกอลเพื่อดำเนินการเป็นผู้ใช้ ผู้ใช้แรงงานในไร่นา ประชาราษฎร์มุสลิมอาจประกอบเป็น 5% ของประชากรรัฐยะไข่ในปี 2412 แม้การตีราคาสำหรับปีก่อนหน้าจะสูงกว่านี้ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ความป่าเถื่อนระหว่างชุมนุมชนอุบัติขึ้นระหว่างหน่วยกำลังวี ชาวโรฮีนจาที่บริเตนสนับสนุนด้านอาวุธกับชาติพันธุ์ ยะขิ่น และภาคมีการแยกแยะเพิ่มขึ้น ในปี 2525 รัฐบาลพลเอกเน วินตรากฎหมายความเป็นพลเมืองซึ่งปฏิเสธความเป็นพลเมืองของ ชาวโรฮีนจา
ในปี 2556 มีชาวโรฮีนจาโดยประมาณ 735,000 คนอาศัยอยู่ในประเทศพม่า ส่วนใหญ่ในเมืองทางเหนือของรัฐยะไข่ซึ่งคิดเป็น 80–98% ของ พลเรือน Holiday palace สื่อระหว่างชาติและสหพันธ์สิทธิมนุษยชนอธิบายชาวโรฮีนจาว่าเป็นคนกลุ่มน้อยที่ถูกข่มเหงที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลก ชาวโรฮีน จาจำนวนมากหนีไปเก็ตโตและค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศเพื่อนบ้านบังกลาเทศ และพื้นที่ตามอาณาเขตไทย–พม่า ชาวโรฮีนจากว่า 100,000 คน ยังพึ่งพิงอยู่ในค่ายสำหรับผู้พลัดถิ่นในประเทศซึ่งทางการไม่ยินยอมให้ออก ชาวโรฮีนจาได้รับความสนใจจากนานาชาติในห้วงเหตุจลาจล ในรัฐยะไข่ พ.ศ. 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น